ไหนใครวันลาหมดแล้ว ยกมือขึ้น
(ผมนี่ยืนขึ้นชูมือคนแรกเลย ^^)
วันลาแต่ละปีไม่เคยพอ มีเรืองให้ต้องใช้ตลอด ส่วนใหญ่ก็ไปเที่ยวนี่ล่ะครับ
เป็นมนุษย์เงินเดือน การได้ไปเที่ยวนี่มันฟินมากนะครับ
ยิ่งได้ลาไปเที่ยวในวันธรรมดา แล้วรู้ว่าเพื่อนนั่งทำงานกันอยู่นี่ ยิ่งฟินใหญ่ 555 จิตดีมั้ยแล้วช่วงนี้ใคร ๆ ก็ไปญี่ปุ่นกัน เต็ม feed ไปหมด … เซ็งดิครับ เพื่อนจะชวนไปไหนก็อดหมด วันลาหมดไปตั้งแต่กลางปี จะขอลาป่วยไป เพื่อนดัน Tag Facebook มา
พังสิครับ T_T
ไอ้ช่องโหว่ตรงนี้แหละครับ ที่หลายบริษัท เอามาใช้เป็น campaign ในการสร้างแรงจูงใจในการทำงานของพนักงาน โดยการ “เปลี่ยนการให้รางวัลเป็นตัวเงิน หรือเป็นของแจก มาเป็นการให้วันลาเพิ่มแทน”
เอาหลักการ Marketing มาใช้ในการสร้างแรงจูงใจได้อย่างดีเยี่ยมเลย
พนักงานได้วันลาเพิ่ม ก็มีเวลาไปเทียว ไปพักผ่อน ภาษีจากรางวัลก็ไม่ต้องเสีย เพราะไม่ได้รับเป็นเงิน หรือเป็นของรางวัล WIN-WIN นะ
แต่ไม่ใช่ทุกบริษัท ที่จะเอาวิธีการแบบนีไปใช้ได้นะครับ เอาไปใช้ไม่ดูตาม้าตาเรือนี่ โดนด่าทั้งจากผู้บริหาร ทั้งพนักงานเลย
หลักการ Marketing ก็ต้องเอามาใช้ตั้งแต่เริ่มต้นเหมือนกัน วิเคราะห์กันก่อนนะครับว่าพนักงานเค้าอยากได้กันหรือเปล่า ช่วงอายุของพนักงานที่เราจะเอาไปใช้ด้วยมันเหมาะมั้ย เค้าอยากได้อะไร อยากได้เงินหรืออยากได้วันลา
บางองค์กร ไม่ได้ให้สะสมวันลา ของเก่ายังใช้ไม่หมด เพราะงานรัดตัวไม่มีโอกาสจะลาไปไหนได้ แล้วจะเอารางวัลเป็นวันลาไปให้เค้า แบบนี้ก็โดนด่าตั้งแต่ยังไม่ได้เริมเลยครับ
วิธีการนี้ อาจจะเหมาะกับพนักงานใหม่ ๆ วันลายังมีไม่มากเท่าไหร่ การได้วันลาเพิ่มไปนี่ ตาลุกวาวกันเลยล่ะครับ
และวิธีการวิเคราะห์แบบนี้ล่ะครับ ที่เราควรจะนำมาใช้เวลาที่เราจะทบทวนสวัสดิการพนักงาน อะไรเหมาะกับใคร อันไหนจะจูงใจให้พนักงานทำงานได้เต็มที่ รวมถึงสวัสดิการไหนที่จะเป็นตัวดึงให้คนอยากมาทำงานกับเรา
วันนึง Flexible Benefit ที่เป็น จะมาแทนที่การให้สวัสดิการแบบปัจจุบัน เพราะ one size fit all จะไม่มีอีกต่อไป เพราะความต้องการของแต่ละคนไม่มีใครเหมือนกันเลย
แต่วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ อีกนานแค่ไหน ต้องรอจนเกษียณมั้ย
ก็ต้องรอกันต่อไปก่อนครับ ^^