ผมได้ซองประเมินละ แต่อย่าไปพูดถึงมันเลยเนอะ
“เอาน่ามรึง อย่าคิดมาก มันจบไปละ ตั้งต้นทำปีหน้าดีกว่า”
เวลามีใครมาพูดกะเราแบบนี้ สันนิษฐานได้เลยว่า มันได้มากกว่าเรา 5555555
เมือวานเราพูดถึงผู้ถูกประเมินกันไปละนะครับ หลาย ๆ comment ก็ได้แสดงความคิดเห็นมาหลายมุมมองเลย จำเลยหลักของงานนี้ก็ไม่พ้น
“หัวหน้า”
การเป็นหัวหน้ามันไม่ง่าย ๆ เลยนะครับ รับแรงกดดันจากทั้งผู้บริหาร นโยบายต่าง ๆ เฮ้ย ให้เกรด A ได้แค่ 10 % นะเว้ยเฮ้ย D ก็ต้องมีนะ จะเป็นหัวหน้าที่ “ถูกต้อง” และ “ถูกใจ” มันเลยไม่ง่ายอย่างที่เคยคิด แล้วทำไมถึงได้อยากเป็นหน้ากันจังเลย
“ก็ได้ตังมากกว่าลูกน้องหนิคะพี่ ก็ต้องยอมรับผิดชอบเรืองพวกนี้ไปสิคะ”
ฉนั้น ผู้บริหารจะเลือกใครมาเป็นหัวหน้า อย่าเลือกแค่เค้าเก่งการทำงาน Technical เป๊ะ รู้จักทุกรายละเอียดของงาน แต่ต้องเลือกที่เค้าเก่งคนด้วย
ไม่อย่างนั้น คุณจะเสียคนทำงานเจ๋ง ๆ ไปหนึ่งคน แล้วได้หัวหน้าที่ลูกน้องไม่อยากทำงานด้วยเพิ่มมา 1 คน
ดังนั้น ถึงเราจะได้ผลงานไม่ดี จะไม่พอใจหัวหน้า ก็ขอให้มีเสี้ยวนึงที่เห็นใจเค้าด้วยนะครับ ถ้าเค้าทำได้ เค้าก็อยากให้ทุกคนได้สิ่งดี ๆ เหมือนกันหมด แต่ด้วยกฎ ระเบียบ กติกา หรือนโยบายบริษัท เค้าก็ไม่สามารถที่จะฝืนได้
แล้วบริษัทล่ะ ได้อะไรจากการประเมินผลงาน
มองมุมได้อะไร อาจจะมองยาก ผมสายโหด มาลองคิดดีกว่าว่า ถ้าไม่มีการประเมินผลงาน บริษัทจะเจ็บปวดมั้ยนะ หึหึหึหึ
กำไร = ยอดขาย – ต้นทุน
นักลงทุนต้องการกำไร ธุรกิจก็ต้องสร้างยอดขายให้ได้เยอะ ๆ ในขณะที่ต้องควบคุมต้นทุนต่าง ๆ ให้เหมาะสม ทั้งต้นทุนผลิต ต้นทุนขาย และค่าจ้างพนักงาน
ทุกครั้งที่มีการปรับค่าจ้าง หรือจ่ายโบนัส แปลว่าต้นทุนเพิ่มขึ้น ถ้ายอดขายยังเท่าเดิม กำไรก็ต้องลดลง เผลอ ๆ อาจจะขาดทุนก็ได้ ทำไงล่ะ ก็เพิ่มยอดขายเข้าสิไม่เห็นจะยาก
แล้วถ้าไม่มีตลาดให้เพิ่มยอดขายแล้วล่ะเธอ เงินเดือนพนักงานชัั้นก็ต้องขึ้นทุกปี โบนัสก็ต้องจ่ายนะ แล้วถ้าต้องจ่ายทุกคนเท่า ๆ กันหมดเลยบริษัทชั้นจะเอาที่ไหนมาจ่าย แล้วถ้าทุกคนได้เท่ากันหมด ชั้นจะสร้าง Motivation พนักงานที่ทุ่มเทให้กับบริษัทได้เหรอ ต้อง Promote ทุกคนมาเป็นหัวหน้ากันหมดเลยอย่างงั้นเหรอ คนทำเยอะ กับคนทำน้อยได้เท่ากัน คนทำเยอะเค้าจะไม่หนีไปบริษัทอื่นกันเหรอเธ้อออออ
ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องแบ่งกลุ่มคนให้้ได้สิ อย่างน้่อยก้ต้องแยกให้ได้ครึ่ง ๆ นะ คนไหนทำได้ดีแล้ว คนไหนยังทำได้ไม่ดี แล้วก็เธอก็ให้ผลตอบแทนต่างกันไง ถ้าจะทำแบบนี้ เธอก็ต้องสร้างระบบประเมินผลการทำงานนะเธอ
เพราะถ้าเธอไม่มีการประเมินผลงานนะ เธอจะไม่รู้หรอกว่าคนไหนทำดี คนไหนไม่ได้สนใจทำงานให้เธอจริง ๆ ก็เหมือนลูกค้าล่ะเธอ คนไหนซื้อเธอบ่อยซื้อเยอะ เธอก็ให้โปรโมชัน ให้่ส่วนลดเค้า ส่วนลูกค้าที่ไม่ค่อยมาซื้อของเธอ เธอก็ขายให้เค้าราคาปกติไง แต่เธอต้องแยกให้ออกนะ ไม่ใช่แค่คนที่มาถามสินค้าบ่อย ๆ มาคอยหยอดคอยชมว่าเธอสวยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่ซื่อสินค้าเธอซักหน่อย เธอจะไปลดราคาให้พวกนี้ก็ไม่ถูกนะเธ้อออ
ถ้าเธอไม่มีลูกค้า เธอก็อยู่ไม่ได้นะ ทั้งลูกค้าพิเศษ หรือลูกค้าปกติ เธอก็ต้องดูแลเค้าให้เหมาะสมนะเธอ
ถ้าไม่มีระบบประเมินผล บริษัทก็ต้องเจ็บปวดเหมือนกัน และเหมือนเดิม บทหนักก็กลับไปอยู่ที่ “หัวหน้า” อีกเช่นเคย น่าสงสารเนอะ
ในมุมของพนักงานเอง ผมเข้าใจนะว่าเราก็คาดหวังจะได้ดีที่สุด ผมเองก็คาดหวัง มาทำงานก็เพราะเงิน เราไม่ได้มาทำการกุศลอยู่แล้ว แต่ก็ต้องเคารพในกฎเกณฑ์ของบริษัท กติกาของสังคมที่เราอยู่ด้วย จะเรียกร้องต่อต้านก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ยังไงซะก็ต้องน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
ถ้าบริษัทอยู่ไม่ได้ เราก็อยุ่ไมได้เหมือนกันครับ
และเช่นกัน ถ้าพนักงานอยู่ไม่ได้ บริษัทก็ไปไม่รอดเหมือนกันครับ