19.03.206
วันเสาร์ ตื่นโคตรสายเลย T-T
ที่ตื่นได้นี่ เพราะแม่โทรมาตามด้วยนะ 55555
เมื่อคืนจัดเต็มไปนิดนึง แล้วก็คงเหนื่อยสะสมมาทั้งอาทิตย์ด้วย ก็เลยยาวเลย
#ทุกอย่างดูซอฟท์เมื่อเป็นวันเสาร์
เพิ่งปิด Project งานที่ต้องทำทุกวันเสาร์ไป ใจนึงก็โล่งนะ สบายละ อาทิตย์นึงจะได้มีวันหยุด 2 วัน แต่อีกใจคือ แล้วเสาร์ต่อ ๆ ไป ทำอะไรดีล่ะ
ตอนมีงานก็บ่นเหนื่อย งานเยอะ ไม่อยากทำละโว้ย
พอว่างก็นอยด์อีก ไม่มีอะไรทำ เบื่อโว้ย หาอะไรทำต่อดีวะ
นี่โชคดีที่ผมมีงานประจำทำนะ ถ้าเป็น Freelance อย่างเดียวนี่ ดูจากความขี้เกียจของผมแล้วนี่ เอาตัวไม่รอดแน่ ๆ
ใครที่กำลังจะคิดมาเป็น Freelance อย่าเอาอย่างผมนะครับ คิดจะเป็น Freelance ก็ต้องคิดแบบ Freelance มืออาชีพ ผมนี่มือสมัครเล่นเลย
โลกนี้มันไม่มีอะไรฟรี เมื่อไหร่ที่เราคิดว่า เฮ้ย อยากออกจากงาน หรือไม่อยากทำงานบริษัท แต่อยากไปเป็น Freelance แปลว่าเราพร้อมที่รับความเสี่ยงถูกมั้ย
High Risk High Return คือเรืองที่เราต้องทำความเข้าใจกับมันนะครับ
เป็น Freelance อาจจะหาเงินได้เยอะกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่มนุษย์เงินเดือน ถ้าไม่ได้ทำตัวเลวร้าย เงินก็เข้าบัญชีทุกเดือน บริษัทจะไล่ออกก็ไม่ใช่ง่าย ๆ กฎหมายแรงงานก็มีคุ้มครองไว้อยู่
ผมมีเพื่อนเป็น Freelance มืออาชีพ หลายคนเลยนะ เรียนจบมาปีแรก ๆ มันก็ทำงานบริษัทนี่ล่ะ แต่ดูละการทำงานบริษัทมันไม่ใชทางจริง ๆ ก็เลยออกไปทำงาน Freelance ซึ่งงานมันวาไรตี้มาก
แรก ๆ ผมก็เป็นห่วงมันนะ แต่พอผ่านไป 2-3 ปีเห็นความจริงจัง เห็นวิธีการหางาน เห็นงานที่มันได้ทำ ก็หายห่วง มันอยู่รอดและไปได้ไกลในทางของมันแน่ ๆ
ที่สำคัญคือ อิจฉามันมาก ไม่ต้องทำงานไปเที่ยวได้เป็นเดือนซึ่งมนุษย์เงินเดือนแบบผมทำไม่ได้ #ร้องไห้หนักมาก
ทุกงานมันมีข้อดีข้อเสียของมันนะครับ หาให้เจอว่าเราเหมาะกับแนวไหน ผมไม่เคยมองว่า Freelance เป็นแฟชันนะ แล้วผมก็มั่นใจด้วยว่า คนที่ทำ Freelance แบบมืออาชีพจริง ๆ ก็ไม่เคยมองว่า Freelance เป็นแฟชั่น
เพราะการเป็นFreelance ของจริง ตัวจริง
ไม่ใช่แค่อยาก ไม่ใช่แค่ลาออกจากงานประจำ แล้วจะเป็นกันได้ง่าย ๆ
คิดกันให้ดีๆ ก่อนนะครับ ^^